หน้าเว็บ

Share!!

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568

5 วิธีจัดการความเครียดฉบับคนทำงานยุคใหม่

5 วิธีจัดการความเครียดฉบับคนทำงานยุคใหม่

5 วิธีจัดการความเครียดฉบับคนทำงานยุคใหม่

ในยุคที่การทำงานรวดเร็ว เชื่อมต่อตลอดเวลา และต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ความเครียดกลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากสำหรับคนทำงานยุคใหม่ 💻 ไม่ว่าจะเป็นความกดดันจากปริมาณงาน เดดไลน์ที่กระชั้นชิด การปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับชีวิตการทำงาน ความเครียดที่สะสมหากไม่ได้รับการจัดการที่ดี อาจนำไปสู่ภาวะหมดไฟ (Burnout) 🔥 ปัญหาสุขภาพกายใจ และประสิทธิภาพในการทำงานที่ลดลง

แต่ข่าวดีคือ เราสามารถจัดการความเครียดเหล่านี้ได้ ด้วยวิธีการที่ปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนทำงานยุคใหม่ ลองนำ 5 วิธีนี้ไปปรับใช้ เพื่อให้คุณกลับมามีชีวิตทำงานที่มีความสุขและมีประสิทธิภาพอีกครั้ง 😊

1. หยุดพักแบบสั้นๆ แต่มีคุณภาพ (Mindful Breaks) 🧘‍♀️

การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยแทบไม่ได้ขยับไปไหน ไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายเมื่อยล้า แต่ยังทำให้สมองอ่อนล้าได้เช่นกัน แทนที่จะนั่งแช่อยู่กับที่เป็นชั่วโมงๆ ลองตั้งเวลาพักสั้นๆ เพียง 5-10 นาทีในทุกๆ ชั่วโมง โดยใช้เวลานี้เพื่อ:

  • ลุกไปเดิน: เดินไปเข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำ หรือแค่เดินวนไปมาในออฟฟิศ/บ้าน 🚶‍♀️
  • ยืดเส้นยืดสาย: ยืดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ โดยเฉพาะคอ บ่า ไหล่ หลัง ที่มักจะตึงจากการนั่งนานๆ 💪
  • หายใจลึกๆ: ฝึกการหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ เพียงไม่กี่ครั้ง ก็ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและมีสติมากขึ้นได้ ✨
  • มองออกไปนอกหน้าต่าง: พักสายตาจากหน้าจอ มองวิวทิวทัศน์ภายนอก 👀

การพักสั้นๆ เหล่านี้ช่วยให้สมองได้รีเซ็ต ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และเพิ่มพลังให้กลับไปทำงานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. สร้างขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว (Set Boundaries) ✅

ในยุคที่หลายคนทำงานจากที่บ้าน (WFH) หรือต้องเชื่อมต่อกับงานตลอดเวลา การสร้างเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างเวลาทำงานและเวลาส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อป้องกันภาวะหมดไฟ 🔥

  • กำหนดเวลาทำงานที่ชัดเจน: พยายามเริ่มต้นและเลิกงานให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงการทำงานล่วงเลยไปจนดึกเกินไป ⏰
  • ปิดแจ้งเตือนงานนอกเวลางาน: หากไม่ใช่งานฉุกเฉินจริงๆ ลองปิดการแจ้งเตือนจากอีเมลกลุ่ม ไลน์กลุ่มงาน หรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับงาน เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เพื่อให้สมองได้พักผ่อนอย่างแท้จริง 📵
  • สื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน/หัวหน้า: หากคุณมีช่วงเวลาที่ต้องการโฟกัส หรือไม่สะดวกรับงาน ลองสื่อสารให้ทีมรับทราบ เพื่อให้ทุกคนเคารพในขอบเขตเวลาของคุณ 🤝

การมีขอบเขตที่ชัดเจน ช่วยให้คุณมีเวลาพักผ่อน ทำกิจกรรมที่ชอบ และใช้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อน ซึ่งจำเป็นต่อการรักษาสุขภาพจิตที่ดี 😊

3. จัดลำดับความสำคัญและเรียนรู้ที่จะปฏิเสธ (Prioritize & Learn to Say No) 🚫

ความรู้สึกถูกท่วมท้นด้วยปริมาณงานเป็นสาเหตุหลักของความเครียด การเรียนรู้ที่จะบริหารจัดการงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ

  • จัดลำดับความสำคัญ: ใช้เทคนิคการบริหารเวลาต่างๆ เช่น แบ่งงานเป็น Must Do, Should Do, Could Do หรือใช้เมทริกซ์ฉุกเฉิน/สำคัญ (Urgent/Important Matrix) เพื่อโฟกัสกับงานที่สำคัญที่สุด ✅
  • แบ่งงานชิ้นใหญ่ให้เล็กลง: หากมีโปรเจกต์ใหญ่ ให้แบ่งย่อยเป็นงานเล็กๆ ที่จัดการได้ง่ายขึ้น ✨
  • เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ: หากได้รับมอบหมายงานเพิ่มในขณะที่คุณมีงานเต็มมืออยู่แล้ว และประเมินแล้วว่าไม่สามารถรับเพิ่มได้จริงๆ ให้เรียนรู้ที่จะปฏิเสธอย่างสุภาพ พร้อมอธิบายเหตุผล หรือเสนอทางเลือกอื่น เช่น ขอความช่วยเหลือ หรือขอขยายเวลา 🙏

การบริหารจัดการงานที่ดี ไม่ได้หมายถึงการต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียว แต่คือการทำงานอย่างฉลาดและรู้จักศักยภาพของตัวเอง ✨

4. ขยับร่างกายสม่ำเสมอ (Move Your Body) 🤸‍♀️

การนั่งเป็นเวลานานส่งผลเสียต่อสุขภาพ และยังทำให้ร่างกายสะสมความเครียด การออกกำลังกายหรือแค่การขยับร่างกายเป็นวิธีที่ดีในการลดฮอร์โมนความเครียด และเพิ่มฮอร์โมนแห่งความสุข (Endorphins) 😊

  • หาโอกาสขยับตัวระหว่างวัน: เดินไปคุยกับเพื่อนร่วมงานแทนการแชท เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ ลุกยืนทำงานบ้างเป็นบางช่วง 🚶‍♀️
  • จัดเวลาออกกำลังกาย: ไม่จำเป็นต้องเข้ายิมเสมอไป การเดินเร็ว วิ่ง โยคะ หรือการออกกำลังกายง่ายๆ ที่บ้าน เพียง 30 นาทีต่อวัน ก็สร้างความแตกต่างอย่างมากได้ 💪
  • ลองกิจกรรมผ่อนคลาย: โยคะ พิลาทิส หรือไทชิ เป็นทางเลือกที่ดีที่ช่วยทั้งร่างกายและจิตใจ 🧘‍♂️🧘‍♀️

การทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว ไม่ใช่แค่เพื่อสุขภาพกาย แต่ยังช่วยให้จิตใจสงบและจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น ✨

5. ตัดขาดจากโลกดิจิทัลเป็นบางช่วง (Digital Detox) 📵

สมาร์ทโฟน อีเมล โซเชียลมีเดีย ทำให้เราเชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้น แต่ก็เป็นแหล่งของข้อมูลข่าวสารที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งอาจสร้างความเครียดและทำให้สมองไม่ได้พัก 🧠

  • กำหนดเวลาเช็คอีเมล/โซเชียลมีเดีย: แทนที่จะเปิดดูตลอดเวลา ให้กำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนในการเช็ค เพื่อไม่ให้เสียสมาธิจากงานและลดการถูกรบกวน ⏰
  • ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น: เข้าไปตั้งค่าในโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ เพื่อปิดการแจ้งเตือนของแอปฯ ที่ไม่สำคัญ 🚫
  • กำหนด No-Tech Zone/Time: สร้างพื้นที่หรือช่วงเวลาในแต่ละวันที่คุณจะไม่ใช้เทคโนโลยี เช่น ระหว่างทานอาหาร ช่วงก่อนนอน หรือช่วงเวลาที่ใช้กับครอบครัว 👨‍👩‍👧‍👦
  • พักสายตาจากหน้าจอ: ใช้เวลาพักตามข้อ 1 เพื่อให้ดวงตาได้พักจากแสงสีฟ้าของหน้าจอ 👀

การเว้นระยะห่างจากโลกดิจิทัลเป็นบางช่วง ช่วยให้สมองได้พัก ลดความวิตกกังวลที่เกิดจากการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นบนโซเชียลมีเดีย และทำให้คุณมีสติอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น ✨

ความเครียดเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน แต่การจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณรักษาสมดุลชีวิต มีความสุข และเติบโตต่อไปในสายอาชีพได้อย่างยั่งยืน ลองนำ 5 วิธีนี้ไปปรับใช้ และค้นหาสิ่งที่เหมาะกับคุณที่สุด เพื่อให้คุณเป็นคนทำงานยุคใหม่ที่มีทั้งความสุขและประสิทธิภาพ 😊💪